แมนซิตี้ ไม่พลาดอัด แมนยู ไล่ ลิเวอร์พูล แต้มเดียว
แมนซิตี้ จบที่ชัยชนะครั้งที่ 61 ของเรือใบ!!
เสมอ 53
ยูไนเต็ด ชนะ 77
เกิดอะไรขึ้นที่เอติฮัด ในดาร์บี้ครั้งนี้
เป๊ป เลือกแผน3–2-4-1
วอล์คเกอร์-รูเบน-อาเก้ ยืน3 เซนเตอร์ ไม่มีวิงแบ๊กอาชีพ เพราะต้องการบุก จัด โฟเด้น ขวา โดกู ซ้าย ใช้ สโตน เล่นคู่กลางกับ โรดรี้ ตัวรุก ซิลวา, เดอ บรอยน์ และ ฮาลันด์ เป้า
เทน ฮาก 4-1-4-1 “รับลึกรอสวน”
คือรูปแบบ4-5-1 ที่ กาเซมิโร ยืนหน้าไลน์แบ๊กโฟร์ แผงมิดฟิลด์ 4 คน ใช้ 2 ตัวข้าง แรชฟอร์ด และ กานาร์โช่ ใช้แม็คโทมิเนย์ กับ คอบบี้ ไมนู ส่วน หน้าปลอมคือ บรูโน่
โอนาน่า หลังไลน์ ได้ประตูนำ
แค่8 นาที กลายเป็นแมนฯยูฯขึ้นนำก่อน จากจังหวะที่ โอนาน่า เปิดบอลยาว ข้ามไลน์กองหลัง ถึง บรูโน่ จังหวะบังบอลแล้วคืนให้ แรชฟอร์ด วิ่งมายิงเช็ดคานเข้าไป สวยงามม ผีแดงนำเร็ว1-0
บรูโน แอสซิสต์ที่39 แซง ปอล ป๊อกบา (38 แอสซิสต์)
ฮาลันด์ ยิงออกยากกว่ายิงเข้า
หลังจากเสียประตู พลพรรค เรือใบ เปิดฉากครองบอลลุยใส่ ทุกทิศทาง แต่ปัญหาคือ พื้นที่ มีไม่มาก ทีมเทน ฮาก รับแน่น สอดซ้อน กันดี ไม่มีหลุดตำแหน่ง อีกทั้ง โอนาน่า ป้องกันได้ดี ใน2-3 จังหวะ ที่เข้ากรอบ
ยกเว้น จังหวะ ฮาลันด์ กระโดดแปข้ามคานโล่งๆจากระยะ2 หลา!!! ท้ายครึ่งแรก
สถิติ ครึ่งแรก ซิตี้ ยิง 18 เข้ากรอบ3
แมนฯยูฯ ยิง2 เข้ากรอบ2 ได้1 ประตู
โฟเด้น คนพิเศษ
ตัวจริงนัดที่100 ฉลองด้วยการยิงผีแดง 2 ลูก
ในเกมที่อึดอัด แมนฯยูฯ รัดกุมพอตัว เรือใบต้องการนักเตะบิ๊กเกม เมื่อ ฮาลันด์ ทำให้ไม่ได้ เดอ บรอยน์ ต้องปั้นเกม โฟเด้น คือคำตอบเกมนี้
จังหวะกระชากหนี ลินเดอเลิฟ แล้วยิงเสียบตาข่าย
ตีเสมอ1-1 น. 56 สร้างความคึกคักให้ทีมเดินหน้า ก่อนจี้ชิ่ง เข้าไปยิงง่ายๆ 2-1 น. 80 ส่วนลูก 3-1 อัมราบัต แถมให้ ฮาลันด์ ยิงช่วงทดเวลา
ชัยชนะ3-1 ของเรือใบไม่ผิดคาด แต่ได้มาไม่ง่ายเช่นกัน เพียงแต่คุณภาพนักเตะมีมากกว่า แมนยูฯ แม้กระทั่งตัวสำรอง
กระทั่ง เอริก เทน ฮาก วางแผนมาดีแล้ว แต่ก็สู้ได้ 56 นาที ที่เหลือคงต้องยอมรับว่าแมนฯซิตี้ เหนือกว่า ในทุกรูปแบบ ทั้งรูปแบบ, ตัวผู้เล่น
พวกเขาจึงได้ชัยชนะในเกมที่อาจจะเล่นยากประมาณเกือบชั่วโมง
เรือใบจี้หงส์แดง กลับมาเหลือ1 แต้ม
ทำให้สัปดาห์หน้า การบุกแอนฟิลด์ น่าจะเป็นเกมที่แฟนบอลทั่วโลกเฝ้ารอ